บล็อกโครี่

ต้นกำเนิดบล็อกโครี่

บรอกโคลีมีถิ่นกำเนิดมาจากทางตอนใต้ของยุโรป แถบประเทศอิตาลี โดยเชื่อกันว่า บรอกโคลีมีวิวัฒนาการมาจากพืชชนิดหนึ่งชื่อ คะน้าป่า (Brassica oleracea var. oleracea) ซึ่งพบได้ทั่วไปในแถบเมดิเตอร์เรเนียน ในช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมา มนุษย์ได้ทำการคัดเลือกพันธุ์คะน้าป่าจนเกิดเป็นบรอกโคลีในปัจจุบัน

ลักษณะบล็อกโคลี่

บล็อกโครี่

บล็อกโคลี่เป็นผักที่มีลำต้นขนาดใหญ่ อวบอ้วน สีเขียวเข้ม ใบกว้างสีเขียวเข้มออกเทา ขอบใบหยัก ดอกบล็อกโคลี่อยู่รวมกันเป็นกลุ่มช่อหนาแน่นดูเป็นฝอย ๆ สีเขียวเข้ม ดอกมีขนาดใหญ่ เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 16 เซนติเมตร โดยทั่วไปนิยมกินตรงส่วนที่เป็นดอก ส่วนลำต้นจะนิยมรองลงมา แต่ในด้านคุณค่าทางอาหาร โดยเฉพาะวิตามินซี กลับมีอยู่มากในส่วนของลำต้น ด้งนั้นหากเก็บบล็อกโคลีไว้นานแล้วพบว่าดอกกลายเป็นสีเหลืองจึงไม่ควรทิ้ง ให้นำส่วนของลำต้นมาทำอาหารรับประทานได้ บล็อกโคลีมีรสหวาน กรอบ จึงเป็นที่นิยมกันมากขึ้นเรื่อย ๆ

ประโยชน์ของบล็อกโคลี่

บล็อกโครี่
  • ช่วยบำรุงหัวใจและหลอดเลือด บล็อกโคลีมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันไม่ให้คอเลสเตอรอลเลว (LDL) เกาะติดกับผนังหลอดเลือด ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด บล็อกโคลีมีไฟเบอร์สูง ซึ่งจะช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวาน
  • ช่วยบำรุงสายตา บล็อกโคลี่มีวิตามินเอสูง ซึ่งจำเป็นต่อการทำงานของดวงตา ช่วยป้องกันโรคตาบอดกลางคืนและโรคจอประสาทตาเสื่อม
  • ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน บล็อกโคลีมีวิตามินซีสูง ซึ่งจำเป็นต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยป้องกันร่างกายจากการติดเชื้อต่างๆ
  • ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน บล็อกโคลีมีแคลเซียมสูง ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างกระดูกและฟันที่แข็งแรง
  • ช่วยระบบขับถ่าย บล็อกโคลีมีไฟเบอร์สูง ซึ่งช่วยกระตุ้นการขับถ่าย ป้องกันอาการท้องผูก

การดูแลบร็อคโคลี่

บล็อกโครี่

บรอกโคลี่เป็นผักที่ปลูกง่าย เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนปนทรายที่ระบายน้ำได้ดี ชอบอากาศเย็น อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตอยู่ที่ 18-23 องศาเซลเซียส ในประเทศไทย บรอกโคลีสามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี แต่จะให้ผลผลิตดีที่สุดในช่วงฤดูหนาว

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม : veggiesgreen