พืชผัก ประโยชน์ของพืชผักน่ารู้

ประโยชน์ผัก และความสำคัญที่มีต่อมนุษย์

พืชและผักเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและมีประโยชน์ต่อสุขภาพและ เป็นสิ่งสำคัญในชีวิตไม่ว่าจะเป็นระบบนิเวศ อาหารบนโลก พืชและผักเป็นองค์ประกอบของธรรมชาติที่มีความสำคัญทั้งในลักษณะทางกายภาพ และมีหน้าที่ในการสร้างความสมดุลในระบบนิเวศ

  • พืชมีหน้าที่สำคัญและบทบาทความสำคัญดังนี้
    การสร้างอาหาร  พืชจะเป็นผู้ผลิตอาหารโดยใช้แสงอาทิตย์ เป็นกระบวนการสังเคราะห์แสงในใบพืชทำให้พืชสร้างสารอาหาร และเก็บเอาไว้ในรูปแบบของน้ำตาล แป้ง และอื่นๆ
  • การสร้างจากธรรมชาติของความสมดุล  พืชเป็นส่วนสำคัญในกระบวนการหมุนเวียนของธาตุอาหารในระบบนิเวศ โดยพืชช่วยส่งเสริมกระบวนการซักล้างการรักษาความสมดุลในบริบทของพืช
  • การมีส่วนสนับสนุนระบบนิเวศ  พืชช่วยในความหลากหลายในระบบวิเวศ รวมไปถึงการแก้ไขหรือบรรเทาปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
  • การใช้เป็นยาและสมุนไพร  พืชที่มีการสำคัญทางเภสัชวิทยา สามารถนำมาใช้ในการรักษาโรคหรือสุขภาพ

ความสำคัญของพืชผักต่อระบบนิเวศ

พืชและผักนั้นมีความสำคัญต่อระบบนิเวศ และ สุขภาพของมนุษย์ ความสำคัญของพืชและผักมีดังนี้

  • การผลิตอาหาร เป็นแหล่งที่มาของหารให้กับมนุษย์และสัตว์ ที่มีกระบวนการสร้างหรือสังเคราะห์แสงในใบพืช ที่ทำให้พืชมีการสร้างอาหาร เช่น น้ำตาล แป้ง และโปรตีน ที่เป็นอาหารแล้วมีคุณค่าสูง
  • แหล่งประกอบอาหารของสุขภาพ ผักและผลไม้เป็นแหล่งประกอบอาหารที่มีความสำคัญของวิตามิน แร่ธาตุ และเส้นใยอาหารที่มีความสำคํญต่อสุขภาพ เช่น วิตามิน ฟอลิคแอซิด และเส้นใยอาหารที่ช่วยในระบบการย่อยของหาร
  • การช่วยในร่างการและบำรุงสุขภาพ  ผักและผลไม้ที่เต็มไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์สำหรับร่างกาย เช่น ในผักเขียวเข้มจะมีวิตามินเอ ซึ่งมีประโยชน์ต่อสายตา
  • การช่วยรักษาสภาพภูมิอากาศ  พืชจะช่วยในการลดประมานของก๊าซเรือนกระจกในบรรยกาศ
  • การมีส่วนสนับสนุนในระบบนิเวศ พืชจะช่วยในการสร้างที่อยู่และอาหารให้กับสัตว์และแมลง อย่างเช่น นกและสัตว์ต่างๆที่อาหารอยู่ในป่า
  • การบำรุงรักษาและปรับสมดุลในระบบนิเวศ  พืชช่วยในการรักษาความสมดุลของน้ำและดิน ช่วยลดอัตตรายจากน้ำท่วมและความแห้งแล้ง รวมไปถึงช่วยซับซ้อยสารพิษในน้ำและดิน

การจำแนกพืชผัก

  • การจำแนกพืชและผักเป็นกระบวนการที่มีไว้เพื่อแบ่งแยกและจัดกลุ่มพืชตามลักษณะทางชีวภาพ ลักษณะทางกายภาค และลักษณะการเจริญเติบโต เพื่อให้ง่ายต่อการรู้จักและใช้ประโยชน์ ขั้นตอนในการจำแนกพืชและผักจำแนกตามลักษณะทางชีวภาพพืชหมายถึงพืชที่มีโครงสร้างทางชีววิทยาและพัฒนาการคล้ายกัน เช่น พืชที่มีใบ ลำต้น รากเนื้อเยื่อที่สัมพันธ์กับการผลิตอาหาร เช่น พืชที่มีเนื้อเยื่อใช้ในการเก็บอาหารเช่น ผลไม้
  • จำแนกตามลักษณะทางกายภาคพืชที่มีเนื้อสัตว์หรือสัตว์นำมาใช้ในการปกป้องตัว เช่น ไม้พุ่มสูง ใบหนา พืชที่เกี่ยวข้องกับการผสมพันธุ์และการแพร่กระจาย เช่น ดอกไม้ ผลไม้
  • จำแนกตามลักษณะการเจริญเติบโตพืชอายุสั้น (Annual): พืชที่เติบโตและจบวงจรชีวิตในระยะเวลาสั้น เช่น ข้าว ข้าวโพดพืชอายุยาว (Perennial): พืชที่เติบโตและมีอายุยาวนาน เช่น ต้นไม้ ไม้ดอกเล็ก
  • จำแนกตามลักษณะการเจริญเติบโต (Growth Habit):พืชต้นไม้ (Tree): พืชที่มีลำต้นสูงและแข็งแรง เช่น ต้นไม้ผลไม้พืชพุ่มสูง (Shrub): พืชที่มีลำต้นเล็กและก้านใบแข็งแรง เช่น พุ่มไม้ดอกพืชพุ่มต่ำ (Herb): พืชที่ไม่มีลำต้นหรือลำต้นเล็ก แต่มีการเจริญเติบโตในรูปของใบและดอก เช่น ผักการจำแนกพืชและผักช่วยให้เราเข้าใจคุณสมบัติและลักษณะต่างๆ ของพืช และสามารถนำมาใช้ในการปฏิบัติในด้านการเกษตร การปรับปรุงดิน และการรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
veggiesgreen.com

การจำแนกพืชผักอาจแยกได้หลายลักษณะ

การแยกพืชและผักตามอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโต
เป็นการกำหนดกลุ่มพืชที่มีความชอบที่สูงต่อเงื่อนไขอุณหภูมิในการเจริญเติบโต การแยกพืชผักตามอุณหภูมิ อย่างเช่น
พืชผักที่ชอบอุณหภูมิเย็น ได้แก่ ผักกาด มีอุณหภูมิเย็น มักปลูกในฤดูหนาว เช่น ผักกาดขาวคะน้า เป็นพืชผักที่ทนทานต่ออุณหภูมิเย็น สามารถปลูกได้ตลอดปีกะหล่ำดอก มีความต้องการอุณหภูมิเย็นสูงในระหว่างการเจริญเติบโตผักชี สามารถปลูกได้ในช่วงอุณหภูมิเย็นพืชผักที่ชอบอุณหภูมิร้อน ได้แก่พริก ชอบอุณหภูมิร้อน ต้องการแสงแดดมากมะเขือเทศ เป็นพืชผักที่ต้องการอุณหภูมิร้อนและแสงแดดแตงโม ชอบอุณหภูมิร้อนและมีความต้องการน้ำมาก และ  บวบชอบอุณหภูมิร้อนและน้ำพืชผักที่ชอบอุณหภูมิปานกลาง ได้แก่ผักสลัด ชอบทั้งอุณหภูมิร้อนและเย็น สามารถปลูกได้ตลอดปีบุ้งจีน ต้องการอุณหภูมิปานกลาง สามารถปลูกในหลายฤดูกาลการแยกพืชและผักตามอุณหภูมิเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้พืชมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตและการผลิตผลอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์

การแบ่งกลุ่มพืชและผักที่ใช้ประโยชน์ได้
การแบ่งกลุ่มพืชและผักที่ใช้ประโยชน์ได้เป็นการจัดกลุ่มพืชตามลักษณะและการนำไปใช้ประโยชน์ต่าง ๆ การแบ่งกลุ่มพืชและผักที่ใช้ประโยชน์ได้พืชผักสดผักใบเขียว  ผักกาด ผักบุ้ง ผักกวางตุ้ง เป็นต้น นำมาใช้ในอาหารสดและสลัดผักเหลือง  กวางตุ้ง ผักหวานป่า เป็นต้น มีคุณค่าทางโภชนาการสูงผลไม้และผลไม้สด ผลไม้ตามฤดูกาล  มังคุด ลำไย มะพร้าว มะม่วง เป็นต้น นำมาทานสดหรือใช้ในการทำเครื่องดื่มผลไม้แห้ง  กล้วยแห้ง มะม่วงแห้ง  นำมาใช้เป็นขนมและอาหารว่างพืชในการทำเครื่องเทศ สมุนไพร กระเพรา ตะไคร้ ผักชี เป็นต้น นำมาใช้ในการปรุงอาหารและยาแผนโบราณเครื่องเทศ พริกไทย ขมิ้น หัวไชเท้า เป็นต้น ใช้ในการปรุงรสให้กับอาหารพืชที่ใช้ในอุตสาหกรรม ส่วนที่ใช้ในการผลิตสิ่งของ ไม้มะเกลือใช้ในการทำเฟอร์นิเจอร์ ส่วนที่ใช้ในการผลิตเสื้อผ้า  ไหม ฝ้าย เป็นต้น นำมาทำเสื้อผ้าและผ้าไหมพืชที่ใช้เป็นวัตถุอาหาร ผักกระป๋อง  เป็นพืชที่มีความหลากหลายทางชนิดและใช้ทำอาหารหลากหลายข้าวโพด  นำมาใช้ในการทำอาหาร 

การแบ่งกลุ่มพืชและผักที่ใช้ประโยชน์ได้

การแบ่งกลุ่มพืชและผักที่ใช้ประโยชน์ได้เป็นการจัดกลุ่มพืชตามลักษณะและการนำไปใช้ประโยชน์ต่าง ๆ การแบ่งกลุ่มพืชและผักที่ใช้ประโยชน์ได้

  • พืชผักสด ผักใบเขียว  ผักกาด ผักบุ้ง ผักกวางตุ้ง เป็นต้น นำมาใช้ในอาหารสดและสลัด
    ผักเหลือง  กวางตุ้ง ผักหวานป่า เป็นต้น มีคุณค่าทางโภชนาการสูง
  • ผลไม้ตามฤดูกาล  มังคุด ลำไย มะพร้าว มะม่วง เป็นต้น นำมาทานสดหรือใช้ในการทำเครื่องดื่ม
    ผลไม้แห้ง  กล้วยแห้ง มะม่วงแห้ง  นำมาใช้เป็นขนมและอาหารว่าง
  • พืชในการทำเครื่องเทศ  กระเพรา ตะไคร้ ผักชี เป็นต้น นำมาใช้ในการปรุงอาหารและยาแผนโบราณเครื่องเทศ พริกไทย ขมิ้น หัวไชเท้า เป็นต้น ใช้ในการปรุงรสให้กับอาหาร
  • พืชที่ใช้ในอุตสาหกรรม ส่วนที่ใช้ในการผลิตสิ่งของ ไม้มะเกลือใช้ในการทำเฟอร์นิเจอร์ ส่วนที่ใช้ในการผลิตเสื้อผ้า  ไหม ฝ้าย เป็นต้น นำมาทำเสื้อผ้าและผ้าไหม
  • พืชที่ใช้เป็นวัตถุอาหาร ผักกระป๋อง  เป็นพืชที่มีความหลากหลายทางชนิดและใช้ทำอาหารหลากหลายข้าวโพด  นำมาใช้ในการทำอาหาร ข้าวโพดคั่ว

การแบ่งกลุ่มพืชและผักที่ใช้ประโยชน์ได้ช่วยให้เราเข้าใจว่าพืชแต่ละชนิดมีการใช้งานและประโยชน์ที่แตกต่างกัน และช่วยในการวางแผนการปลูกและการใช้ประโยชน์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

การจัดการเตรียมความพร้อมในการปลูกพืชและผักมีอะไรบ้าง

การเตรียมความพร้อมในการปลูกพืชและผักเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้การปลูกมีประสิทธิภาพและได้ผลผลิตสูงสุด มีวิธีการดังนี้

  • เลือกพืชที่จะปลูก  ศึกษาและเลือกพืชที่เหมาะสมกับสภาพดิน อากาศ และพื้นที่มีอยู่
  • พิจารณาปัจจัยอื่น ๆ  ระยะเวลาการเจริญเติบโต และความต้องการดูแลเพิ่มเติม
  • เตรียมพื้นที่ปลูก ตรวจสอบและเตรียมพื้นที่ปลูกให้เรียบร้อย เป็นระเบียงหรือแปลงปลูกต้องมีการระบายน้ำดีและมีการหมุนเวียนอากาศเพียงพอ พรวนดินให้ลึกและปรับปรุงดินให้เหมาะสมกับพืชที่จะปลูก
  • เตรียมกองปุ๋ยหรือปุ๋ยคอก นำกองปุ๋ยหรือปุ๋ยคอกมาเตรียมไว้ในพื้นที่ปลูก และผสมกับดินให้เรียบร้อย
  • เลือกเมล็ดพันธุ์หรือต้นกล้าที่มีคุณภาพ หากเลือกปลูกจากเมล็ดพันธุ์ ควรเลือกเมล็ดที่มีคุณภาพสูง และ หากเลือกปลูกจากต้นกล้า ควรเลือกต้นกล้าที่มีรากและลำต้นแข็งแรง
  • การให้น้ำและระบบน้ำ ระบบน้ำและการให้น้ำในพื้นที่ปลูก ต้องมีการให้น้ำในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อให้พืชเจริญเติบโต
  • การป้องกันและควบคุมศัตรูพืช  ระวังศัตรูพืชที่อาจเข้ามาทำลายพืช และเตรียมวิธีการป้องกันและควบคุมให้เป็นอย่างดี
  • การติดตั้งโครงสร้างการปกป้องพืช  หากมีความจำเป็น ติดตั้งโครงสร้างการปกป้องพืช เช่น ร่มเงา หรือตาข่ายป้องกันแมลง
  • วางแผนการดูแลและการให้ปุ๋ย วางแผนการดูแลพืชในระหว่างการเจริญเติบโต รวมถึงการให้ปุ๋ยในช่วงเวลาที่เหมาะสม
  • การเตรียมเครื่องมือและอุปกรณ์ ตรวจสอบและเตรียมเครื่องมือและอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการปลูกและดูแลพืช
  • การตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมหากมีความจำเป็น ควรตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปลูกพืชที่ต้องการ สภาพอากาศ สภาพดิน และข้อมูลพื้นที่

 

การดูแลรักษาแปลงพืชผัก

 การดูแลและรักษาแปลงพืชและผักเป็นขั้นตอนที่สำคัญเพื่อให้พืชเจริญเติบโตและให้ผลผลิตที่ดี เรามีวิธีการดูแลและรักษาแปลงพืชและผัก 

  1. การให้น้ำที่เพียงพอการให้น้ำในปริมานที่เหมาะสม และไม่เกินไปเพื่อไม่ให้พืชและผักโดนน้ำท่วม
  2. การให้ปุ๋ย  ให้ปุ๋ยในปริมาณและชนิดที่เหมาะสมตามความต้องการของพืช
  3. การกำจัดศัตรูพืช:ตรวจสอบและกำจัดศัตรูพืชที่อาจเข้ามาทำลายพืช เ แมลง ไร หรือโรคพืช
  4. การจัดแต่งและปรับปรูแบบพืช ตัดแต่งใบหรือกิ่งที่เสียหายเพื่อเพิ่มการไหลของอากาศและแสงส่องเข้าในแปลงปลูก
  5. การป้องกันพืชที่จะเหลือง  รักษาความสะอาดและระบายน้ำให้ดีเพื่อลดโอกาสที่พืชจะเข้าเหลือง
  6. การดูแลราก รักษาระบบรากที่แข็งแรงและเป็นสุขภาพด้วยการรดน้ำให้เพียงพอและระบายน้ำดี
  7. การดูและในฤดูที่แตกต่างกัน  ปรับการดูแลให้เหมาะสมกับฤดูกาล ในฤดูร้อนควรให้น้ำเพิ่มเติมและในฤดูฝนควรควบคุมน้ำให้ไม่ท่วม
  8. การตรวจสอบอาหารที่ผิดปกติ  ตรวจสอบอาการผิดปกติของพืช  ใบเหลือง ใบร่วง เพื่อดำเนินการแก้ไขทันที

ความแตกต่างพืชผักในโรงเรือนและนอกโรงเรือน

ความแตกต่างของพืชผักในโรงเรือนนอกโรงเรือนเกิดจากสภาพแวดล้อมและเงื่อนไขการเจริญเติบโตที่แตกต่างกัน ข้อแตกต่างที่พบเห็นระหว่างพืชผักในโรงเรือนและนอกโรงเรือน
สภาพอากาศและองค์ประกอบทางสิ่งแวดล้อม

  1. ในโรงเรือน สามารถควบคุมองค์ประกอบทางสิ่งแวดล้อมได้  อุณหภูมิ ความชื้น แสงและการถ่ายเท
    นอกโรงเรือน องค์ประกอบทางสิ่งแวดล้อมจะมีความผันผวนมากกว่า สภาวะอากาศและอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล  
    การควบคุมศัตรูพืช
    ในโรงเรือน สามารถควบคุมศัตรูพืชได้ง่าย ใช้การป้องกันแมลง หรือการใช้สารเคมีตามคำแนะนำ
    นอกโรงเรือน อาจมีการต่อสู้กับศัตรูพืชที่มากขึ้น โดยอาจต้องพึ่งพาการกำจัดศัตรูธรรมชาติหรือการรับรู้และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นการเร่งการเจริญเติบโตในโรงเรือน สามารถใช้ระบบไฟฟ้าเพื่อเร่งการเจริญเติบโตของพืชได้ และสามารถปรับเวลาและปริมาณแสง
  2. นอกโรงเรือน การเร่งการเจริญเติบโตอาจจะมีความยากลำบากกว่า เนื่องจากไม่สามารถควบคุมแสงและอุณหภูมิได้เหมือนในโรงเรือนการให้น้ำและการควบคุมการระบายน้ำในโรงเรือน สามารถควบคุมการให้น้ำและการระบายน้ำได้ด้วยระบบที่มีอัตโนมัตินอกโรงเรือน การควบคุมการให้น้ำและการระบายน้ำอาจต้องพึ่งพาการให้น้ำด้วยมือและการจัดการระบบรากเพื่อป้องกันน้ำขัง
  3. ความสมบูรณ์ของดิน
    ในโรงเรือน สามารถปรับปรุงดินได้ตามความต้องการของพืช และใช้สารปุ๋ยให้เหมาะสม
    นอกโรงเรือนการปรับปรุงดินอาจจะยากเนื่องจากความผันผวนของสภาวะดินและสภาวะอากาศนี้ก็คือความแตกต่างของพืชผักในโรงเรือนและนอกโรงเรือนเกิดจากการควบคุมแวดล้อมและเงื่อนไขการเจริญเติบโตที่แตกต่างกัน แต่ละสถานการณ์สามารถให้ผลผลิตที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพได้ด้วยการปรับปรุงการดูแลและรักษาให้เหมาะสม

คำถามที่พบบ่อย

พืชผักเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทพืชที่มีใบ ลำต้น ราก และดอก

พืชผักมีหลากหลายชนิด แบ่งออกได้เป็นหลายประเภท เช่น ผักใบเขียว ผักหัว ผักผลไม้ ผักตระกูลถั่ว ผักตระกูลกะหล่ำ ผักตระกูลแตงกวา ผักตระกูลพริก ผักตระกูลมะเขือ ผักตระกูลหอม ผักตระกูลกระเทียม

พืชผักแต่ละชนิดมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับชนิดของพืชผัก ตัวอย่างเช่น ผักบุ้ง ผักกาด แตงกวา มะเขือเทศ ข้าวโพด ข้าว ถั่วเหลือง

พืชผักมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย เช่น เป็นแหล่งวิตามิน แร่ธาตุ ไฟเบอร์ และสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินและแร่ธาตุในพืชผักจำเป็นต่อการทำงานของร่างกาย ไฟเบอร์ในพืชผักช่วยในการย่อยอาหารและป้องกันโรคท้องผูก สารต้านอนุมูลอิสระในพืชผักช่วยป้องกันโรคมะเร็งและโรคหัวใจ

พืชผักควรปลูกในดินร่วนซุย ระบายน้ำดี ดินร่วนซุยช่วยให้พืชผักสามารถเจริญเติบโตได้ดีขึ้น ดินที่ระบายน้ำดีช่วยให้รากของพืชผักไม่เน่าเสีย

พืชผักควรรดน้ำให้ชุ่ม แต่อย่าให้แฉะ ปริมาณน้ำที่พืชผักต้องการจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดของพืชผักและสภาพอากาศ โดยทั่วไปพืชผักควรรดน้ำวันละครั้งหรือสองครั้ง

พืชผักควรใส่ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยเคมีตามชนิดของพืชผัก ปุ๋ยอินทรีย์ช่วยในการปรับปรุงโครงสร้างของดินและเพิ่มธาตุอาหารให้กับพืชผัก ปุ๋ยเคมีช่วยให้พืชผักเจริญเติบโตได้เร็วขึ้น แต่ควรใช้ปุ๋ยเคมีอย่างระมัดระวัง การใช้ปุ๋ยเคมีมากเกินไปอาจทำให้พืชผักเน่าเสียได้

พืชผักควรเก็บเกี่ยวเมื่อสุกเต็มที่ พืชผักที่ยังไม่สุกจะมีรสชาติไม่อร่อยและคุณค่าทางอาหารไม่สูง พืชผักที่สุกเกินไปจะเน่าเสียได้ง่าย

พืชผักควรเก็บรักษาในที่ร่ม เย็น และแห้ง พืชผักบางชนิดสามารถเก็บรักษาไว้ได้นานหลายวัน เช่น ผักกาด แตงกวา มะเขือเทศ พืชผักบางชนิดสามารถเก็บรักษาไว้ได้นานเพียงไม่กี่วัน เช่น ผักบุ้ง ผักคะน้า พืชผักบางชนิดควรรับประทานทันทีหลังจากเก็บเกี่ยว เช่น ผักสด

พืชผักสามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลาย เช่น ต้ม ผัด แกง ทอด ยำ ยัดไส้ เป็นต้น พืชผักแต่ละชนิดมีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่แตกต่างกัน การเลือกวิธีประกอบอาหารที่เหมาะสมจะช่วยให้พืชผักมีรสชาติอร่อยและคุณค่าทางอาหารสูง