ถิ่นกำเนิดกะหล่ำปลี
กะหล่ำปลีมีถิ่นกำเนิดอยู่แถบเมดิเตอร์เรเนียน คาดว่ามีการเพาะปลูกมาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ โดยชาวกรีกและโรมันนิยมใช้กะหล่ำปลีเป็นอาหารและยารักษาโรค กะหล่ำปลีแพร่กระจายไปยังทวีปอื่น ๆ ของโลกในช่วงยุคกลาง และได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน
ลักษณะกะหล่ำปลี
ลำต้น เป็นลำต้นกลม สูงประมาณ 25-45 เซนติเมตร เปลือกลำต้นมีสีขาว มีลักษณะเป็นข้อ ๆ เป็นใบเดี่ยว เรียงซ้อนกันแน่น ใบมีลักษณะหยักขอบใบ สีเขียวหรือสีม่วง ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ดอก ออกเป็นช่อ ดอกมีขนาดเล็ก สีขาว ผล มีลักษณะเรียวยาว ปลายฝักแหลม เปลือกฝักมีร่องเป็นรอยตะเข็บสองข้าง ซึ่งจะปริแตกออกเมื่อฝักแห้ง ด้านในประกอบด้วยเมล็ดขนาดเล็กเรียงซ้อนกันเป็นแถว
ประโยชน์กะหล่ำปลี
- ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน กะหล่ำปลีมีวิตามินซีสูง ซึ่งมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย ป้องกันไม่ให้ร่างกายป่วยง่าย
- ช่วยต้านอนุมูลอิสระ กะหล่ำปลีมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น สารซัลโฟราฟาน สารไอโซไทโอไซยาเนต และสารฟลาโวนอยด์ ซึ่งมีส่วนช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันเซลล์ในร่างกายถูกทำลายจากอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ และโรคเบาหวาน
- ช่วยบำรุงผิวพรรณ กะหล่ำปลีมีวิตามินซี วิตามินเอ และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีส่วนช่วยในการบำรุงผิวพรรณให้สดใส เปล่งปลั่ง
- ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง กะหล่ำปลีมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด ซึ่งมีส่วนช่วยในการป้องกันการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
- ช่วยย่อยอาหาร กะหล่ำปลีมีเส้นใยอาหารสูง ซึ่งมีส่วนช่วยในการย่อยอาหาร กระตุ้นการทำงานของลำไส้ใหญ่ และป้องกันอาการท้องผูก
- ช่วยลดน้ำหนัก กะหล่ำปลีมีแคลอรีต่ำและเส้นใยอาหารสูง จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก
การดูแลรักษากะหล่ำปลี
- การให้น้ำ กะหล่ำปลีต้องการน้ำมาก ควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงที่ต้นกะหล่ำปลีกำลังเจริญเติบโต
- การให้ปุ๋ย ควรให้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเดือนละ 1 ครั้ง ในช่วงที่ต้นกะหล่ำปลีเริ่มแตกใบ
- การป้องกันกำจัดศัตรูพืช ศัตรูพืชที่มักพบในกะหล่ำปลี ได้แก่ เพลี้ยอ่อน เพลี้ยแป้ง หนอนใยผัก และโรคที่มักพบในกะหล่ำปลี ได้แก่ โรคใบไหม้ โรคใบจุด และโรคราน้ำค้าง ควรหมั่นตรวจแปลงปลูกเพื่อตรวจหาศัตรูพืชและโรคพืช หากพบให้รีบทำการกำจัดทันที
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม : veggiesgreen
