คะน้าและสรรพคุณประโยชน์ของคะน้า
![คะน้า](https://veggiesgreen.com/wp-content/uploads/2023/08/ดีไซน์ที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อ-17.png)
คะน้า และชื่อสามัญKai-Lan (Gai-Lan) และชื่อที่ชาวจีนเรียกว่า (ไก่หลันไช่) คะน้าเป็นผักที่มีต้นกำเนิดในทวีปเอเชียซึ่งเพาะปลูกมากในประเทศจีน ไต้หวัน ฮ่องกง มาเลเซีย รวมไปถึงประเทศไทยบ้านเราด้วย คะน้าเป็นผักที่สามารถเพาะปลูกได้ตลอดปี (แต่ช่วงเวลาเพาะปลูกที่ดีที่สุดจะในช่วงเดือนตุลาคม – เมษายน) มีระยะเวลาในการเก็บเกี่ยวสั้น คะน้าเป็นพืชผักใบเขียวที่นิยมรับประทานกันทั่วไป เป็นผักที่หาซื้อง่าย ราคาไม่แพง แต่มีสิ่งที่ควรจะระวังเป็นพิเศษนอกจากการปนเปื้อนของยาฆ่าแมลงแล้ว อาจจะต้องระวังในเรื่องของธาตุแคดเมียมที่อาจจะปนเปื้อนมากับน้ำและพื้นดินด้วย เพราะหากร่างกายได้รับเข้าไป มันจะเข้าไปสะสมในตับและไต ซึ่งจะเป็นพิษต่อตับและไตของคุณเอง และก่อนนำมารับประทานคุณควรล้างทำความสะอาดก่อนทุกครั้ง ด้วยการล้างน้ำสะอาดหลาย ๆ ครั้ง หรือจะล้างด้วยการใช้น้ำก๊อกไหลผ่านอย่างน้อย 2 นาที หรือจะใช้สารละลายอื่น ๆ ก็จะดีมาก เช่น น้ำยาล้างผัก น้ำส้มสายชู เกลือละลายน้ำ เป็นต้น (เพราะผักคะน้านั้นได้ชื่อว่าเป็นผักที่พบสารพิษตกค้างหรือยาฆ่าแมลงมากที่สุด) ผักคะน้ามีสารกอยโตรเจน (Goitrogen) ซึ่งการได้รับในปริมาณที่มากเกินไปอาจจะทำให้เกิดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ ร่างกายขาดแร่ธาตุไอโอดีน ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคคอพอก และยังไปยับยั้งการสร้างฮอร์โมนในต่อมไทรอยด์อีกด้วย ซึ่งจะทำให้ร่างกายของเรานำไอโอดีนในเลือดไปใช้ได้น้อยกว่าปกติ เป็นต้น ทางที่ดีที่สุดควรหลีกเลี่ยงการรับประทานผักชนิดซ้ำ ๆ เดิม ๆ และควรเลือกรับประทานผักให้หลากหลาย ร่างกายจะได้ประโยชน์มากที่สุด
สายพันธุ์ของคะน้าที่นิยมปลูกมี3 สายพันธ์ุ
คะน้าที่นิยมปลูกในเมืองไทยมีอยู่3 สายพันธ์ุด้วยกัน
1.คะน้าพันธุ์ใบกลม มีลักษณะใบกว้างใหญ่ ปล้องสั้น ปลายใบมนและผิวใบเป็นคลื่นเล็กน้อย ได้แก่ พันธุ์ฝางเบอร์ 1
2.คะน้าพันธุ์ใบแหลม เป็นพันธุ์ที่มีลักษณะใบแคบกว่าพันธุ์ใบกลม ปลายใบแหลม ข้อห่าง ผิวใบเรียบ ได้แก่ พันธุ์ P.L.20
3.คะน้าพันธุ์ยอดหรือก้าน มีลักษณะใบเหมือนกับคะน้าใบแหลม แต่จำนวนใบต่อต้นมีน้อยกว่า ปล้องยาวกว่า ได้แก่ พันธุ์แม่โจ้2
![veggiesgreen.com](https://veggiesgreen.com/wp-content/uploads/2023/08/คะน้าใบกลม.png)
ประโยชน์ที่ได้รับจากคะน้าและนำมาทำอาหาร
คะน้าสามารถนำมาทำ เป็นอาหารได้หลากหลายเมนู เช่น ผัดคะน้าหมูกรอบ ผัดผักคะน้า ยำก้านคะน้า ต้มจับฉ่าย คะน้าไก่กรอบ คะน้าปลาเค็ม คะน้าเห็ดหอม คะน้าปลากระป๋อง ข้าวผัดคะน้า เป็นต้น
![veggiesgreen.com](https://veggiesgreen.com/wp-content/uploads/2023/08/คะน้าใบกลม-2.png)
ข้อครวระหวังการบริโภคคะน้า
การรับประทานคะน้าอาจให้ประโยชน์ต่อสุขภาพมาก แต่อาจมีข้อควรระวังสำหรับผู้ที่กำลังใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น วาร์ฟาริน เนื่องจากผักคะน้ามีวิตามินเคที่อาจลดประสิทธิภาพของยากลุ่มนี้ลง ดังนั้น จึงควรปรึกษาคุณหมอหรือเภสัชกรก่อนบริโภค นอกจากนี้ คะน้ายังเป็นแหล่งของไฟเบอร์ ที่ร่างกายอาจต้องใช้เวลานานในการย่อย หากรับประทานคะน้ามากเกินไปและรับประทานรวดเร็วเกินไปก็อาจส่งผลให้มีก๊าซในลำไส้และท้องอืดได้
สรรพคุณของคะน้า
- คะน้ามีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายได้
- คะน้า ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานในกับร่างกาย ทำให้มีสุขภาพแข็งแรง
- คะน้าช่วยบำรุงผิวพรรณและป้องกันการติดเชื้อต่าง ๆ
- คะน้ามีวิตามินซี ซึ่งมีส่วนช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อให้ชุ่มชื้นมากขึ้น (วิตามินซี)
- คะน้าช่วยในเรื่องบำรุงและรักษาสายตา (วิตามินเอ) คะน้ามีสารลูทีน (Lutein) ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต้อกระจกได้ถึง 29% (ลูทีน)
- คะน้าจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อมและยังช่วยป้องกันการเสื่อมของศูนย์จอตาได้อีกด้วย คะน้าบำรุงโลหิต ธาตุเหล็กและธาตุโฟเลตในผักคะน้ามีความสำคัญต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง
- คะน้าจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต ธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบของกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อต่าง ๆ ทำหน้าที่ช่วยขับออกซิเจนที่เลือดนำมาไว้ใช้
- คะน้ามีแคลเซียม ซึ่งมีส่วนช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน (แคลเซียม)
ลักษณะของคะน้า
![veggiesgreen.com](https://veggiesgreen.com/wp-content/uploads/2023/08/คะน้าใบกลม-3.png)
ลำต้นคะน้า มีลักษณะตั้งตรงสูงประมาน 20-30 ซม.และมีลักษณะแข็งแรงอวบใหญ่ มีสีเขียวนวน นิยมนำมาบริโภคมากก็รองลงมาจากยอดอ่อน
ใบคะน้า ลักษณะใบคะน้ามีหลายลักษณะตามสายพันธุ์ออกไป เช่น คะน้าใบกลม คะน้าใบแหลม บางพันธุ์มีลักษณะ ก้านใบยาว หรือสั้นการแตกของใบจะแตกออกจากลำต้นเรียงสลับกัน 4-6 ใบ
ผิวของใบคะน้า มีลักษณะเป็นคลืนผิวเป็นมันสีเขียวอ่อน
ยอดและดอกคะน้า บริเวณที่ถัดจากใบสุดท้ายที่เติบโตแยกออกมาอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งจะเป็นส่วนของยอดที่มีลักษณะเป็นใบอ่อนขนาดเล็ก 2-3 ใบ มีลักษณะคล้ายบัวตุม ขนาดเล็กสีเขียวอ่อน รอที่จะเติบโตเป็นใบแก่ ถือเป็นส่วนที่นิยมนำมาบริโภคมากที่สุด
รากของคะน้า รากของคะน้า ประกอบด้วยรากแก้วขนาดใหญ่ต่อจากลำต้น มีสีขาวออกน้ำตาลเล็กน้อย ยั่งลึกประมาณ 10-30 ซม. ตามสภาพลักษณะหน้าดิน และรากฝอยสีน้ำตาลอ่อนซึ่งพบไม่มาก
วิธีปลูกคะน้า และการเพาะเมล็ด
วิธีปลูกคะน้า
- ใช้ตะกร้ามีรู หรือ ตะแกรง ร่อนดินปลูกต้นไม้ ให้ได้แต่ดินเม็ดละเอียดออกมา
- นำปุ๋ยคอกผสมกับดินเม็ดละเอียด คลุกเคล้าให้เข้ากัน
- เตรียมถาดเพาะเมล็ด นำกาบมะพร้าวสับมารองก้นถาดหลุมไว้ เพื่อให้ระบายน้ำและอากาศได้ดี จากนั้น เทดินที่ผสมไว้ลงไปในถาด ให้เต็มทุกหลุม
- ใช้ไม้ปลายแหลมเจาะนำร่องดิน ในแต่ละหลุม เสร็จแล้ว หยอดเมล็ดพันธุ์คะน้าลงไป 1 – 3 เมล็ด/หลุม แล้วกลบดินให้มิด
- วางถาดเพาะเมล็ดในที่ร่ม ใช้ขวดฟ็อกกี้ ฉีดพรมดินให้ชุ่ม เช้า – เย็น เป็นเวลา 3 – 4 วัน เมล็ดก็เริ่มงอกออกมาแล้ว
- พออายุได้ 7 – 10 วัน ให้ตัดเอา ต้นกล้า ที่มีลักษณะแคะแกรน ไม่สมบูรณ์ออก เพื่อไม่ให้เกิดการแย่งอาหาร และ ขึ้นเบียดเสียดกัน
- เมื่อ คะน้า อายุได้ 20 – 30 วัน และ มีใบแท้ขึ้นมา 1 ใบ ให้เตรียมย้ายสำหรับลงปลูก
อุปกรณ์และวัตถุดิบในการปลูกคะน้า
- เมล็ดพันธุ์คะน้า
- ดินปลูกต้นไม้1 ถัง
- ปุ๋ยคอก1 ถัง
- กาบมะพร้าว
- ถาดเมล็ด
- ตะกร้ามีรู และ ตะแกรง สำหรับร่อนดิน
- ไม้ปลายแหลม
- ขวดฟ็อกกี้
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม : veggiesgreen.com